ผู้ใช้โทรศัพท์หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการโทรไปยังอเมริกา การสมัครบริการออนไลน์โดยใช้เบอร์อเมริกา หรือการใช้ “เบอร์เสมือน” เพื่อความสะดวกและความเป็นส่วนตัว ตัวอย่างเช่น หลายคนค้นหาคำว่า “+1 ประเทศอะไร” เพื่อหาว่ารหัส +1
เป็นของประเทศใด หรือค้นหา “โทรไปอเมริกา” เพื่อศึกษาวิธีโทรศัพท์ไปต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีผู้ที่อยากทราบว่าจะใช้ “WhatsApp เบอร์ อเมริกา” ได้อย่างไร บทความนี้จะให้ข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับการใช้เบอร์มือถือและเบอร์โทรศัพท์เสมือนของสหรัฐฯ รวมถึงวิธีการโทรไปอเมริกา การสมัครบัญชีต่าง ๆ ด้วยเบอร์สหรัฐฯ และข้อควรระวังด้านความเป็นส่วนตัวในการใช้เบอร์เสมือน
รหัสประเทศ +1 คือประเทศอะไร?
รหัส +1
เป็นรหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่กำหนดให้ประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือ โดยหลักๆ แล้วหมายถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ตามข้อมูลจาก สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) รหัสนี้ยังใช้ร่วมกับแคนาดา รวมถึงบางประเทศและเขตปกครองในอเมริกาเหนือที่อยู่ในระบบหมายเลขโทรศัพท์เดียวกัน (North American Numbering Plan) เช่น เบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย +1-809 จะเป็นหมายเลขของสาธารณรัฐโดมินิกัน เป็นต้น
หากมีสายเรียกเข้าที่ขึ้นต้นด้วย +1 ก็แสดงว่าเป็นสายที่โทรมาจากต่างประเทศ (ส่วนใหญ่คือสหรัฐฯ หรือประเทศที่ใช้รหัส +1) ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ Pantip รายหนึ่งตั้งข้อสงสัยว่า:
“หลายวันก่อนเบอร์นี้โทรมาเป็นโอเปอเรเตอร์นะครับ บอกว่าจะอายัดบัญชี… เสิร์ชหาในกูเกิลก็เป็นทางฝั่งยุโรปโน้น… มันเป็นไปได้ไหมครับที่เป็นเบอร์ในไทยนี่แหละ แต่เขาทำให้โชว์เป็นเบอร์แบบนี้”
— ผู้ใช้เว็บบอร์ด Pantip
จากกรณีนี้จะเห็นว่าผู้โทรน่าจะเป็นมิจฉาชีพที่ใช้เบอร์โทรต่างประเทศ (+1) โทรเข้ามาหลอกลวง ซึ่งสร้างความสับสนให้ผู้รับสาย ดังนั้นหากเห็นเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย +1 โทรเข้า โดยเฉพาะพร้อมข้อความอัตโนมัติอ้างเรื่องบัญชีธนาคารหรือข้อมูลส่วนตัว ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ใช่การติดต่อจากหน่วยงานจริง
โดยสรุป รหัส +1
คือรหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (รวมถึงประเทศอื่นบางส่วนในเขตหมายเลขอเมริกาเหนืออย่างแคนาดา) หากได้รับสายจากเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย +1 ก็แสดงว่าเป็นการโทรมาจากประเทศเหล่านี้แน่นอน
โทรไปอเมริกาจากไทยทำอย่างไร
วิธีโทรจากไทยไปสหรัฐอเมริกา
การโทรศัพท์จากประเทศไทยไปยังหมายเลขปลายทางที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสามารถทำได้โดยการกดหมายเลขตามลำดับดังนี้:
- รหัสออกต่างประเทศ – กดรหัสเพื่อต่อออกนอกประเทศ (สำหรับโทรศัพท์พื้นฐานหรือบางเครือข่ายมือถือไทยอาจต้องกด
001
ของ TOT,004
ของ dtac,006
ของ True ฯลฯ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบกับผู้ให้บริการที่ใช้งาน) หากโทรจากมือถือ สามารถกดเครื่องหมาย+
แทนการกดรหัสออกเหล่านี้ได้ - รหัสประเทศของสหรัฐฯ – กดหมายเลข
1
- รหัสพื้นที่ของปลายทาง – หมายเลขรหัสพื้นที่ (Area Code) 3 หลักของหมายเลขสหรัฐฯ ที่จะโทรไป
- หมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง – กดเลขหมาย 7 หลักของปลายทางในสหรัฐฯ
ตัวอย่าง: หากต้องการโทรไปยังหมายเลข (212) 555-1234
ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สามารถกดบนมือถือได้ว่า +1 212 555 1234
หรือหากโทรผ่านโทรศัพท์บ้านให้กด 001-1-212-555-1234
ตามลำดับดังกล่าว (ไม่ต้องมีเลข 0 นำหน้าหมายเลขเหมือนเลขหมายไทย)
หมายเหตุ: หมายเลขโทรศัพท์ในสหรัฐฯ จะไม่มีเลข 0 นำหน้าเมื่อโทรทางไกลระหว่างประเทศ เพียงกดรหัสประเทศ 1 ก็เข้าสู่หมายเลขสหรัฐฯ ได้ทันที
ค่าใช้จ่ายในการโทรระหว่างประเทศ
การโทรทางไกลระหว่างประเทศโดยตรง (ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ปกติ) มักมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ผู้ใช้ควรตรวจสอบอัตราค่าโทรของผู้ให้บริการเครือข่ายที่ใช้อยู่ก่อนโทร ปกติการโทรจากไทยไปสหรัฐฯ อาจมีค่าบริการหลายบาทต่อนาที อย่างไรก็ดี ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในไทยหลายรายมีรหัสพิเศษหรือแพ็กเกจสำหรับการโทรไปต่างประเทศในราคาประหยัด เช่น รหัส 003
ของ AIS, 004
ของ dtac, 009
ของ CAT เป็นต้น ซึ่งคิดอัตราค่าโทรถูกลงกว่าการกด 001 ปกติ ผู้ใช้ควรศึกษาตารางค่าใช้จ่ายหรือสมัครแพ็กเกจเหล่านี้ล่วงหน้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการโทร
อีกทางเลือกหนึ่งในการประหยัดค่าใช้จ่ายคือการใช้บัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศหรือบริการ VoIP ผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์ (เช่น TOT, True) ที่มีหมายเลขพิเศษให้กด ซึ่งมักคิดค่าบริการถูกกว่าการโทรตรงมาตรฐาน ทั้งนี้ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ควรสอบถามโปรโมชั่นหรือค่าใช้จ่ายจากผู้ให้บริการให้ชัดเจนก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงค่าบริการเกินคาด
การโทรผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP และ WhatsApp)
ปัจจุบันมีวิธีโทรไปยังต่างประเทศผ่านทางอินเทอร์เน็ต (VoIP) ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่นการโทรผ่านแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง WhatsApp, LINE, Facebook Messenger หรือ Skype หากทั้งผู้โทรและผู้รับใช้แอปเดียวกัน ก็สามารถสนทนาผ่านเสียงหรือวิดีโอคอลได้ฟรี (เสียเฉพาะค่าดาต้าอินเทอร์เน็ตตามแพ็กเกจที่ใช้งาน) ดังนั้นถ้าปลายทางที่สหรัฐฯ มี WhatsApp หรือ LINE อยู่แล้ว ผู้ใช้สามารถเพิ่มเบอร์โทรนั้นในสมุดโทรศัพท์โดยใส่ +1
นำหน้า และโทรผ่านแอปได้ทันทีโดยไม่มีค่าบริการโทรศัพท์ทางไกล
กรณีต้องการโทรจากไทยไปยังหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐานหรือมือถือในสหรัฐฯ ที่ปลายทางไม่ได้ใช้งานแอปแชทเหมือนกัน สามารถพิจารณาใช้บริการอย่าง Skype Out, Viber Out หรือแอป VoIP อื่น ๆ ที่อนุญาตให้โทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์จริงได้โดยคิดค่าโทรในอัตราที่ถูกกว่าเครือข่ายมือถือปกติ ผู้ใช้สามารถเติมเงินหรือสมัครแพ็กเกจในแอปเหล่านี้เพื่อโทรไปยังเบอร์สหรัฐฯ ได้ในราคาประหยัด
หมายเหตุ: คุณภาพเสียงและความเสถียรในการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตจะขึ้นอยู่กับความเร็วและความเสถียรของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งฝั่งผู้โทรและผู้รับ หากอินเทอร์เน็ตช้าหรือไม่เสถียร อาจมีเสียงขาดหายหรือดีเลย์ได้
การใช้เบอร์โทรอเมริกาในการสมัครและยืนยันตัวตน
นอกจากการโทรติดต่อสื่อสารแล้ว หมายเลขโทรศัพท์ของสหรัฐอเมริกายังถูกนำมาใช้ในการสมัครบัญชีหรือยืนยันตัวตนบนบริการออนไลน์ต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย ปัจจุบันหลายแพลตฟอร์ม เช่น โซเชียลเน็ตเวิร์ก, อีเมล, บริการส่งข้อความ และบริการทางการเงิน มักขอให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนผ่านเบอร์โทรศัพท์ ทั้งนี้ ผู้ใช้ชาวไทยบางคนเลือกใช้หมายเลขโทรศัพท์ของสหรัฐฯ ในการยืนยันแทนการใช้เบอร์มือถือหลักของตนด้วยเหตุผลด้านความสะดวกและความเป็นส่วนตัว
สมัครบริการออนไลน์ด้วยเบอร์อเมริกา
บริการออนไลน์ส่วนใหญ่รองรับการใช้หมายเลขโทรศัพท์ต่างประเทศในการลงทะเบียนหรือยืนยันตัวตน ซึ่งหมายความว่าหากคุณมีเบอร์โทรศัพท์ของสหรัฐฯ (ไม่ว่าจะได้มาจากซิมการ์ดหรือเบอร์เสมือน) ก็สามารถนำมาใช้สมัครบัญชีหรือรับรหัสยืนยัน (OTP) แทนเบอร์ไทยได้
WhatsApp เป็นตัวอย่างหนึ่งที่หลายคนสนใจว่าจะสมัครด้วยเบอร์อเมริกาได้หรือไม่ คำตอบคือทำได้ โดยขั้นตอนเหมือนการสมัครปกติ เพียงเลือกประเทศเป็น United States (+1) แล้วกรอกหมายเลขโทรศัพท์สหรัฐฯ ของคุณลงไป จากนั้นระบบ WhatsApp จะส่งรหัสยืนยัน 6 หลักทาง SMS หรือโทรเข้าเบอร์นั้น เพื่อให้คุณนำรหัสมากรอกยืนยันการใช้งาน เช่นเดียวกับบริการอื่นอย่าง Facebook, Twitter, Instagram, Google เป็นต้น ก็สามารถใช้เบอร์ต่างประเทศ (รวมถึงเบอร์ +1) ในการสมัครและยืนยันตัวตนได้
อย่างไรก็ดี มีบางกรณีที่บริการออนไลน์บางแห่งไม่รองรับหมายเลขที่มาจากบริการเบอร์ VoIP หรือเบอร์ชั่วคราว เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยหรือการควบคุมสแปม ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้บางคนพบว่าไม่สามารถใช้เบอร์เสมือนจากบางแอปเพื่อรับรหัสยืนยันของบริการอย่าง Twitter หรือธนาคารได้ ดังข้อมูลที่มีการแชร์ในชุมชนออนไลน์:
“Hushed ใช้ยืนยันตัวตนของบุคคลที่สามไม่ได้ผลนะ… อาจจะใช้เป็นเบอร์โทรศัพท์เครื่องที่สองได้ แต่ยืนยันบัญชีไม่ได้แน่นอน.”
— ผู้ใช้งาน Reddit
คำแนะนำคือ หากเป็นการสมัครหรือยืนยันบัญชีที่มีความสำคัญสูง (เช่น บัญชีธนาคาร, บัญชีที่ผูกกับข้อมูลการเงิน หรือบัญชีที่มีความปลอดภัยสูงมาก ๆ) ควรใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่เชื่อถือได้และเป็นของตัวเองจริงๆ จะปลอดภัยกว่า เพราะหากใช้เบอร์เสมือนแล้วเกิดปัญหารับรหัสไม่ได้หรือเบอร์หมดอายุ อาจทำให้คุณเข้าถึงบัญชีนั้นไม่ได้เลย แต่สำหรับการสมัครบริการทั่วไปที่ความเสี่ยงไม่สูง หรือการใช้งานชั่วครั้งคราว การใช้เบอร์เสมือนหรือเบอร์อเมริกาสำรองก็ถือเป็นทางเลือกที่สะดวกและช่วยไม่ต้องเปิดเผยเบอร์หลักของคุณ
เบอร์รองกับความเป็นส่วนตัว
ประเด็นหนึ่งที่ทำให้การใช้เบอร์โทรต่างประเทศหรือเบอร์เสมือนได้รับความนิยม คือเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว ผู้ใช้หลายคนไม่ต้องการให้เบอร์มือถือหลักของตนเองต้องไปอยู่ในฐานข้อมูลของทุกบริการที่สมัครใช้งาน หรือไม่ต้องการเผยแพร่เบอร์จริงบนอินเทอร์เน็ต การมีเบอร์สำรองเพื่อใช้งานแทนในบางกรณีจึงเป็นแนวทางที่ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อต้องลงประกาศขายสินค้าบนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย การให้เบอร์โทรติดต่อเป็นเบอร์หลักของเราอาจนำมาซึ่งสายโทรหรือข้อความรบกวนจำนวนมากในภายหลัง ผู้ขายหลายคนจึงเลือกใช้เบอร์รอง (เช่น เบอร์ VoIP หรือซิมการ์ดแบบเติมเงินแยกต่างหาก) สำหรับลงประกาศ เมื่องานเสร็จสิ้นก็สามารถยกเลิกเบอร์นั้นได้โดยไม่กระทบกับเบอร์หลักของตนเอง
ในทำนองเดียวกัน การใช้เบอร์โทรสำรองในการสมัครบริการออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือหรือทดลองใช้งาน ก็ช่วยป้องกันไม่ให้เบอร์หลักต้องรับความเสี่ยงจากสแปมหรือการถูกขายต่อข้อมูล นอกจากนี้ในการติดต่อกับคนแปลกหน้าชั่วคราว เช่น การซื้อขายสินค้าแบบพบกันครั้งเดียว หรือการสนทนาบนแอปหาคู่ การให้เบอร์รองแก่คู่สนทนาจะทำให้เราสบายใจยิ่งขึ้นว่าหากมีปัญหาก็สามารถเปลี่ยนหรือปิดเบอร์นั้นได้ตลอดเวลา โดยไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันของเรา
กล่าวโดยสรุป เบอร์โทรศัพท์อเมริกาที่เป็นเบอร์รองหรือเบอร์เสมือน เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งาน แต่ทั้งนี้ผู้ใช้ก็ต้องบริหารจัดการเบอร์เหล่านั้นอย่างระมัดระวัง ไม่ให้หมดอายุหรือสูญสิทธิ์การควบคุมเบอร์ไป และควรใช้เบอร์รองกับบริการหรือสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เบอร์โทรศัพท์เสมือน (Virtual Number) คืออะไร?
หลายท่านอาจสงสัยว่า “เบอร์เสมือน” หรือ Virtual Phone Number คืออะไรและทำงานอย่างไร ในส่วนนี้เราจะอธิบายแนวคิดของหมายเลขโทรศัพท์เสมือน และข้อดีข้อเสียที่ควรทราบ
ความหมายและการทำงานของหมายเลขเสมือน
หมายเลขโทรศัพท์เสมือน คือหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้ผูกติดกับซิมการ์ดหรือสายโทรศัพท์แบบดั้งเดิม แต่ดำเนินการผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยี VoIP (Voice over IP) พูดง่าย ๆ คือเป็นเบอร์โทรที่อยู่บนระบบคลาวด์ ผู้ให้บริการจะออกหมายเลขให้เราใช้งาน โดยเมื่อมีสายเรียกเข้าหมายเลขนั้น ระบบจะโอนสายหรือส่งข้อความมายังอุปกรณ์ของเราผ่านทางแอปพลิเคชัน หรืออาจโอนต่อไปยังหมายเลขอื่นที่เรากำหนดไว้ก็ได้
เบอร์เสมือนถูกนำมาใช้งานแพร่หลายในภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป สำหรับธุรกิจ เบอร์โทรศัพท์เสมือนช่วยให้บริษัทสามารถมีหมายเลขโทรศัพท์ท้องถิ่นในหลายประเทศได้โดยไม่ต้องตั้งสำนักงานจริงในแต่ละแห่ง และสามารถจัดการสายทั้งหมดผ่านอินเทอร์เน็ต (เช่น ระบบคอลเซ็นเตอร์หรือหมายเลขบริการลูกค้ากลาง) ส่วนในระดับบุคคล เบอร์เสมือนมักมาในรูปแบบบริการแอปพลิเคชันมือถือ เช่น แอปที่ให้เราสมัครหมายเลขโทรศัพท์เพิ่มได้หลายหมายเลขภายในเครื่องเดียว ซึ่งหมายความว่า สมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องอาจมีทั้งเบอร์ซิมหลัก และเบอร์เสมือนอีกหนึ่งหรือหลายเบอร์ใช้งานพร้อมกัน โดยเบอร์เสมือนเหล่านี้รับ-ส่งสายและข้อความผ่านแอป ทำให้สะดวกในการแยกการใช้งาน (เช่น เบอร์หนึ่งใช้เรื่องงาน เบอร์หนึ่งใช้เรื่องส่วนตัว) โดยไม่ต้องพกหลายเครื่อง
ข้อดีและข้อจำกัดของเบอร์เสมือน
หมายเลขโทรศัพท์เสมือนมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังที่ผู้ใช้ควรทราบ ดังนี้:
ข้อดีของเบอร์เสมือน:
- ความเป็นส่วนตัว: สามารถใช้เบอร์เสมือนเป็นตัวกลางในการติดต่อ โดยไม่ต้องเปิดเผยหมายเลขโทรศัพท์จริงของเราให้ผู้อื่น
- หลายหมายเลขในเครื่องเดียว: เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ได้หลายเบอร์ (และหลายประเทศ) ในโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวผ่านแอปพลิเคชัน สะดวกในการจัดสรรเบอร์สำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: ค่าใช้บริการเบอร์เสมือนมักถูกกว่าการเปิดโรมมิ่งหรือซื้อซิมการ์ดใหม่ในต่างประเทศ บางบริการมีเบอร์ฟรีให้ใช้งานพื้นฐาน หรือคิดค่าบริการเป็นรายเดือนที่ไม่แพง
- ยืดหยุ่นสูง: สามารถเปิด/ปิดหรือเปลี่ยนหมายเลขได้ง่ายตามความต้องการ หากเบอร์นั้นเริ่มมีปัญหา (เช่น สายสแปมเยอะ) ก็สามารถละทิ้งแล้วเปิดเบอร์ใหม่ได้
ข้อจำกัดและข้อควรระวัง:
- การรองรับบริการบางอย่าง: บริการออนไลน์บางแห่ง (เช่น ธนาคารหรือระบบยืนยันตัวตนความปลอดภัยสูง) ไม่ยอมรับหมายเลขโทรศัพท์ VoIP/เบอร์เสมือนในการลงทะเบียนหรือรับ OTP ทำให้ใช้งานเบอร์เสมือนกับบริการเหล่านั้นไม่ได้
- ความน่าเชื่อถือของหมายเลข: เบอร์เสมือนจากผู้ให้บริการบางรายอาจมีอายุจำกัด หากผู้ใช้งานไม่ชำระค่าบริการต่อเนื่องหรือไม่ใช้งานเป็นเวลานาน เบอร์นั้นอาจถูกยกเลิกและนำกลับไปจำหน่ายให้ผู้อื่นต่อได้ ดังนั้นมีความเสี่ยงที่หมายเลขของเราจะเปลี่ยนมือ
- พึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: การรับสายโทรศัพท์หรือ SMS ผ่านหมายเลขเสมือนจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา หากอุปกรณ์ออฟไลน์หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขัดข้อง ก็อาจพลาดการติดต่อที่เข้ามาได้
- ข้อจำกัดอื่น ๆ: หมายเลขเสมือนส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้โทรเบอร์ฉุกเฉิน (เช่น 191 ในไทย หรือ 911 ในสหรัฐฯ) ได้ นอกจากนี้ SMS จากบริการบางประเภท เช่น ระบบยืนยันสองขั้นตอนที่มีความปลอดภัยสูงมาก อาจไม่ส่งมายังเบอร์ VoIP
วิธีการรับเบอร์โทรศัพท์สหรัฐฯ ในประเทศไทย
สำหรับผู้ที่ต้องการเบอร์โทรศัพท์สหรัฐอเมริกา มาใช้งานเอง ไม่ว่าจะเพื่อรับรหัส OTP สมัครบัญชีต่างๆ หรือให้คนติดต่อขณะอยู่ไทย ปัจจุบันมีอยู่หลายวิธีที่จะทำให้ได้เบอร์ +1 มาใช้งาน ซึ่งแต่ละวิธีก็มีค่าใช้จ่าย ข้อดี และข้อเสียต่างกันไป โดยทั่วไปวิธีหลักๆ ได้แก่ การซื้อซิมการ์ดจากผู้ให้บริการมือถือสหรัฐฯ, การใช้บริการเบอร์เสมือน (VoIP) ผ่านแอป, และการใช้เบอร์ชั่วคราวสำหรับรับ SMS จากเว็บไซต์ฟรี
ตารางต่อไปนี้คือการเปรียบเทียบวิธีการได้เบอร์อเมริกาแบบต่างๆ พร้อมข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี:
วิธีการ | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|
ซิมการ์ดสหรัฐฯ ซิมจริงหรือ eSIM จากเครือข่ายมือถือในสหรัฐฯ (เช่น AT&T, T-Mobile) |
หมายเลขใช้ได้กับทุกบริการ (รับ OTP ธนาคารได้), สัญญาณและการเชื่อมต่อเสถียร, คุณภาพเสียงการโทรสูง | ค่าใช้จ่ายรายเดือน/รายปีสูง, ต้องมีการเปิดใช้งานที่สหรัฐฯ (อาจต้องใช้เอกสารหรือที่อยู่ในสหรัฐฯ), หากไม่ได้ใช้งานนานเบอร์อาจถูกยกเลิก |
เบอร์เสมือน (VoIP) หมายเลขโทรศัพท์ออนไลน์ผ่านแอป/เว็บ (เช่น Hushed, Skype, Google Voice) |
สมัครและเปิดใช้งานได้รวดเร็ว, ค่าใช้จ่ายถูกหรือมีแพ็กเกจฟรี, เลือกหมายเลข (รหัสพื้นที่ในสหรัฐฯ) ได้ตามต้องการ | บางบริการออนไลน์ไม่รองรับเบอร์ VoIP ในการยืนยันตัวตน, ต้องใช้อินเทอร์เน็ตจึงจะรับสาย/ข้อความได้, เบอร์อาจหมดอายุหรือถูกยกเลิกหากไม่ใช้งานต่อเนื่อง |
เบอร์ชั่วคราวออนไลน์ หมายเลขสาธารณะสำหรับรับ SMS ฟรี (ผ่านเว็บไซต์บริการ OTP ชั่วคราว) |
ได้เบอร์ใช้งานทันทีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย, เหมาะสำหรับใช้รับข้อความครั้งเดียวในบริการที่ไม่สำคัญ | ไม่มีความเป็นส่วนตัว (ข้อความที่รับจะเปิดเผยบนเว็บไซต์สาธารณะ), บริการออนไลน์ขนาดใหญ่ส่วนมากบล็อกเบอร์เหล่านี้, ใช้รับ SMS เท่านั้น โทรออกหรือรับสายจริงไม่ได้ |
ทั้งนี้ ผู้ใช้บางท่านได้แบ่งปันประสบการณ์การรักษาเบอร์สหรัฐฯ ไว้ใช้งานขณะอยู่ต่างประเทศ เช่น ผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งเล่าว่าเขาใช้ eSIM ของเครือข่าย Mint Mobile (ในสหรัฐฯ) ควบคู่กับซิมหลักของตนเอง โดย:
“ช่องซิมกายภาพใช้กับเบอร์ China Unicom ส่วน eSIM ใช้กับเบอร์สหรัฐฯ (Mint Mobile)… ส่วนใหญ่ใช้เบอร์หลังนี่แหละเวลาต้องยืนยันตัวตนทางข้อความสำหรับบริการต่างๆ.”
— ผู้ใช้ Reddit (r/expats)
กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ eSIM จากผู้ให้บริการสหรัฐฯ สามารถช่วยให้รับ SMS ยืนยันตัวตนต่างๆ ได้แม้อยู่ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม วิธีการแต่ละแบบก็เหมาะกับวัตถุประสงค์ต่างกัน หากต้องการหมายเลขที่มั่นคงระยะยาว ใช้รับรหัสสำคัญได้ทุกประเภท การมีซิมการ์ดสหรัฐฯ ของจริงย่อมตอบโจทย์เรื่องความน่าเชื่อถือมากกว่า แต่ถ้าต้องการเพียงเบอร์สำรองชั่วคราวหรือเน้นความประหยัด การใช้เบอร์เสมือนผ่านแอปก็เป็นทางเลือกที่สะดวก ส่วนเบอร์ชั่วคราวแบบรับ SMS ฟรีนั้นควรใช้เฉพาะในกรณีจำเป็นที่ไม่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวสำคัญ เพราะความปลอดภัยต่ำ
คำถามที่พบบ่อย
Q: รหัสประเทศ +1 คือประเทศอะไร?
A: รหัส +1
เป็นรหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) ซึ่งรวมถึงประเทศอื่นบางส่วนในอเมริกาเหนือที่ใช้ระบบหมายเลขร่วมกัน เช่น แคนาดา เบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย +1 จึงหมายถึงสายที่มาจากสหรัฐฯ หรือประเทศในกลุ่มนี้ (โดยส่วนใหญ่จะเป็นสหรัฐอเมริกา)
Q: โทรไปสหรัฐอเมริกาจากไทยต้องกดหมายเลขอย่างไร?
A: หากโทรจากมือถือ สามารถกด +1
ตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์ 10 หลักของสหรัฐฯ ได้เลย (เช่น +1 212 555 1234
) แต่ถ้าโทรจากโทรศัพท์บ้านหรือระบบที่ต้องใช้รหัสออก ให้กดรหัสออกต่างประเทศ (เช่น 001) ตามด้วย 1 แล้วตามด้วยหมายเลข 10 หลักของสหรัฐฯ ที่ต้องการโทร
Q: ใช้เบอร์อเมริกาสมัคร WhatsApp หรือบัญชีออนไลน์อื่นได้ไหม?
A: ได้ สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์ของสหรัฐอเมริกาในการสมัครบริการต่าง ๆ เช่น WhatsApp, Facebook, LINE, Twitter และอื่นๆ ได้ โดยระบุประเทศเป็นสหรัฐอเมริกา (+1) และกรอกหมายเลขนั้น ระบบจะส่งรหัส OTP ไปยังเบอร์ที่ระบุเพื่อยืนยันตัวตน อย่างไรก็ตาม ควรใช้หมายเลขที่สามารถรับ SMS ได้จริงและเป็นหมายเลขที่น่าเชื่อถือ เพราะบางบริการอาจไม่รองรับหมายเลขเสมือน (VoIP) ในการยืนยัน
Q: เบอร์โทรศัพท์เสมือน (Virtual Number) ปลอดภัยในการใช้งานหรือไม่?
A: เบอร์เสมือนมีความปลอดภัยและสะดวกในระดับหนึ่งสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การปกป้องความเป็นส่วนตัวหรือแยกเบอร์ใช้ในบางกรณี แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวัง ได้แก่ เบอร์อาจหมดอายุหรือถูกนำไปให้ผู้อื่นหากเราเลิกใช้งาน และบางบริการที่มีความปลอดภัยสูง (เช่น ธนาคาร) จะไม่ยอมรับเบอร์เสมือนในการยืนยันตัวตน ดังนั้นควรใช้เบอร์เสมือนอย่างระมัดระวังและไม่ใช้กับบัญชีที่มีข้อมูลสำคัญ
Q: มีวิธีที่จะขอเบอร์โทรศัพท์อเมริกาฟรีหรือไม่?
A: มีบริการบางประเภทที่ให้หมายเลขสหรัฐฯ ฟรี เช่น แอปที่แจกเบอร์โทรฟรีสำหรับใช้งาน (มักมีโฆษณาหรือเงื่อนไขให้ใช้งานต่อเนื่อง) รวมถึงบริการ Google Voice ที่ให้เบอร์สหรัฐฯ ฟรีแต่ต้องสมัครผ่านเครือข่ายในสหรัฐฯ เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ที่ให้เบอร์ชั่วคราวสำหรับรับ SMS ฟรี ซึ่งใช้งานได้โดยไม่เสียเงิน แต่เบอร์เหล่านั้นเป็นสาธารณะและไม่ควรใช้กับบัญชีส่วนตัวหรือข้อมูลสำคัญเพราะใครก็สามารถเห็นข้อความที่รับได้

ชื่อของฉันคือ นิรุตติ์ แสนไชย
ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านโทรคมนาคม ฉันเคยทำงานในบริษัททั้งหมดในประเทศไทย: AIS (เครื่องหมายการค้า 1-2-call), DTAC (เครื่องหมายการค้า Happy) และ True Mobile
ฉันหวังว่าเว็บไซต์ของฉันจะช่วยคุณได้และจะมีประโยชน์มาก