กำลังมองหา หูฟังราคาไม่เกิน 1,500 บาท อยู่หรือเปล่า? แม้งบประมาณไม่สูงมาก แต่เชื่อไหมว่าคุณสามารถหาหูฟังเสียงดี คุณภาพคุ้มค่าได้หลากหลายรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหูฟังมีสายเสียงแน่น, หูฟังไร้สายสุดล้ำ, หูฟังอินเอียร์ (In-ear) ใส่กระชับ, หรือหูฟังครอบหู (On-ear/Over-ear) สวมใส่สบาย บทความนี้เราคัดเลือกหูฟังยอดนิยม 10 รุ่นในงบไม่เกิน 1,500 บาท โดยรวมทุกประเภทมาไว้ด้วยกันแบบครบถ้วน!
เราจะพาคุณไปรู้จักกับหูฟังทั้งแบบมีสายและไร้สาย, แบบอินเอียร์, เอียร์บัด, ครอบหู ฯลฯ แต่ละรุ่นเราจะรีวิวเปรียบเทียบจุดเด่นด้านคุณภาพเสียง, ความสบายในการสวมใส่, อายุแบตเตอรี่ (ถ้ามี), ดีไซน์การออกแบบ, ราคา และฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติมอย่างเช่นไมค์หรือระบบตัดเสียง (ANC) ให้ด้วย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น รุ่นที่คัดมานี้มีทั้งแบรนด์ดังอย่าง Sony, Sennheiser, JBL, Jabra รวมถึงแบรนด์น้องใหม่มาแรงจากจีนอย่าง KZ, SoundPEATS, Earfun ฯลฯ ซึ่งล้วนสามารถหาซื้อได้ง่ายในร้านค้าออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee, JD Central เป็นต้น
เตรียมพบกับหูฟังคุณภาพคับราคา ที่มาพร้อมเสียงเพลงไพเราะและฟีเจอร์เกินตัว แบบที่เขาว่ากันว่า “ของถูกและดีมีอยู่จริง” เอาล่ะ เราไปดูกันเลยว่าท็อป 10 หูฟังงบไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยบาทมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง!
หูฟังแบบครอบหู (On-Ear/Over-Ear) ราคาไม่เกิน 1,500 บาท
หูฟังครอบหูเหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความสบายและคุณภาพเสียงที่เต็มอิ่ม เนื่องจากมีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ ให้พลังเสียงแน่นและมิติที่กว้างกว่าอินเอียร์ ข้อดีคือใส่นานๆ ไม่เจ็บรูหู แต่บางรุ่นอาจจะร้อนหูหรือพกพาลำบากกว่าแบบเล็กๆ ในงบไม่เกิน 1,500 บาท เราขอแนะนำทั้งรุ่นหูฟังครอบหูแบบมีสายระดับตำนาน และรุ่นไร้สายรุ่นใหม่ที่มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำๆ ดังนี้
1. Koss Porta Pro – หูฟังครอบหูสายวินเทจ เสียงเบสอิ่มกำลังดี
ประเภท: หูฟังครอบหูมีสาย (On-Ear)
คุณภาพเสียง: ขึ้นชื่อเรื่องเสียงเบสที่นุ่มลึกและแน่นกำลังดี ให้โทนเสียงอบอุ่น (Warm) ฟังเพลินเหมาะกับเพลงป๊อป ร็อก หรือฮิปฮอป เสียงร้องและเครื่องดนตรีย่านกลางทำได้ดี มีมิติสมกับที่เป็นหูฟังเปิด (open-back) เล็กๆ ที่เวทีเสียงกว้างเกินตัว แต่ด้วยความที่เป็นระบบเปิด เสียงอาจเล็ดรอดออกมาและกันเสียงรบกวนภายนอกได้น้อย
ความสบาย: ดีไซน์เอกลักษณ์แบบวินเทจที่มีแถบคาดศีรษะบางและฟองน้ำรองหูขนาดเล็ก น้ำหนักเบามาก (เพียง ~60 กรัม) ทำให้ใส่สบายไม่บีบรัดหัว โฟมรองหูอาจรู้สึกบางแต่ก็ช่วยให้ระบายอากาศ ไม่ร้อนหู ใส่ฟังได้นานๆ อย่างไรก็ดี แนะนำระวังฟองน้ำขาดหรือหลุด จำเป็นต้องเปลี่ยนเมื่อเสื่อมสภาพ
ดีไซน์และความทนทาน: รูปลักษณ์ย้อนยุคที่ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1984! ตัวหูฟังสามารถพับเก็บได้เล็กมาก พกพาสะดวก (แถมมาพร้อมถุงผ้าใส่หูฟัง) โครงทำจากโลหะผสมพลาสติกให้ความยืดหยุ่นสูง แต่ก็ดูบอบบางตามสไตล์หูฟังยุคเก่า การปรับระดับที่ก้านหูมีปุ่ม Comfort Zone ให้เลือกความแน่นหลวมได้ตามชอบ ถือเป็นดีเทลเล็กๆ ที่หลายคนชื่นชอบ
- ข้อดี: คุณภาพเสียงดีเกินราคา เบสฟังสนุก สวมใส่สบายมาก น้ำหนักเบา พับเก็บได้เล็ก พกง่าย ดีไซน์คลาสสิกเท่ไม่ซ้ำใคร
- ข้อเสีย: ดีไซน์เปิดทำให้กันเสียงรบกวนได้น้อย ใช้งานนอกสถานที่เสียงอาจลอดเข้า-ออก วัสดุโครงพลาสติกบางจุดค่อนข้างบอบบาง ฟองน้ำรองหูเสื่อมสภาพตามเวลา
“หูฟังรุ่นปู่” ตัวนี้แม้หน้าตาจะย้อนยุค แต่เรื่องเสียงไม่เป็นสองรองใคร เบสแน่นฟังเพลงมันส์เกินราคา ใครชอบสไตล์เรโทร Porta Pro ตอบโจทย์ทั้งเสียงและแฟชั่น!” – ความเห็นจากนักรีวิว
2. Edifier WH700NB Pro – หูฟังครอบหูไร้สาย ANC แบตอึดเกินคุ้ม
ประเภท: หูฟังครอบหูไร้สาย (Over-Ear Bluetooth) พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน (ANC)
คุณภาพเสียง: รุ่นนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในหูฟังครอบหูไร้สายที่เสียงดีสุดในงบประมาณนี้ จุดเด่นคือให้เสียงที่ใสเคลียร์ รายละเอียดเสียงกลางและเสียงแหลมชัดเจนมาก เสียงร้องชัดใส เครื่องดนตรีปลายแหลมคมชัด “สุดจัด” ตามคำรีวิว ส่วนย่านเบสมาแบบพอดีๆ ไม่ได้เน้นหนักกระแทกมาก เหมาะกับคนที่ชอบเสียงแบบบาลานซ์ได้ยินครบทุกย่านเสียง สำหรับการฟังเพลงหลายแนวและดูหนังจะให้เสียงที่สมจริงเป็นธรรมชาติ
ความสบาย: เป็นหูฟังฟูลไซส์แบบครอบหูที่มีน้ำหนักประมาณ 250 กรัม ถือว่าเบาใช้ได้ แถมตัวฟองน้ำหุ้มด้วยหนังนุ่ม (memory foam) และก้านหูฟังปรับขนาดได้ ทำให้ใส่กระชับกับศีรษะส่วนใหญ่ ใส่นานๆ แล้วไม่บีบไม่ล้า ข้อดีอีกอย่างคือใช้วัสดุบุและก้านที่ทนทานแต่ยืดหยุ่น ทำให้เหมาะกับการใช้งานประจำวันหรือใส่ตอนเดินทางได้ดี
แบตเตอรี่และฟังก์ชัน: จุดขายของ WH700NB Pro คือแบตเตอรี่อึดสุดๆ ใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด ~50-60 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ปิด ANC) หรือราว 40 ชม. เมื่อเปิด ANC ถือว่าเกินหน้าคู่แข่งหลายรุ่น นอกจากนี้ยังรองรับระบบชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 10 นาที ใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมง! ด้านฟังก์ชันอื่นๆ ก็ให้มาครบครัน ทั้งระบบตัดเสียงรบกวน ANC ที่ช่วยตัดเสียงภายนอกได้ดีเกินราคา มีโหมด Ambient Sound รับเสียงภายนอกสำหรับเวลาที่ต้องการได้ยินสิ่งรอบข้าง และยังเชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ (Multipoint) สลับใช้งานมือถือกับคอมพิวเตอร์สะดวก
ดีไซน์และการเชื่อมต่อ: รูปลักษณ์ดูเรียบหรูเกินราคา มีให้เลือกสีดำและสีขาว ตัววัสดุพลาสติกคุณภาพดีงานประกอบแน่นหนา มีปุ่มควบคุมการเล่นเพลง/ปรับระดับเสียงที่ขอบหูฟังใช้งานง่าย รองรับ Bluetooth 5.4 เชื่อมต่อเสถียร นอกจากนี้ยังพิเศษตรงที่สามารถเสียบสาย AUX 3.5 มม. เพื่อใช้งานแบบมีสายได้ด้วย (กรณีแบตหมดหรือต้องการคุณภาพเสียง Hi-Res แบบ Lossless) เรียกว่าอเนกประสงค์จริงๆ
- ข้อดี: คุณภาพเสียงเคลียร์ใส เก็บรายละเอียดเสียงเยี่ยม เบสกำลังดีไม่กลบย่านอื่น มีระบบ ANC ตัดเสียงและ Ambient Mode ใช้งานได้จริง แบตเตอรี่อึดมาก ใช้ได้นานหลายวันต่อชาร์จ ดีไซน์สวยใส่สบาย เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์
- ข้อเสีย: โทนเสียงติดไปทางแหลมใส ใครชอบเบสจัดๆ อาจรู้สึกเบสน้อยไปเล็กน้อย ไม่มีการพับหูฟังให้เล็กลง (ตัวหูฟังหมุนแบนได้แต่ไม่พับเข้า)
“นานๆ ทีจะมีหูฟังครอบหูราคาแค่พันนิดๆ แต่ฟังก์ชันให้มาครบครันขนาดนี้ รุ่นนี้จัดว่าโหดมาก ได้ทั้ง ANC, แบตอึด, Multipoint คุ้มจนงงว่าให้ได้ไง!” – คำกล่าวติดตลกของผู้เชี่ยวชาญ
หูฟังมีสาย In-Ear เสียงดีคุ้มค่า
มาถึงหูฟังแบบมีสาย (Wired) กันบ้าง ซึ่งจุดเด่นคือไม่ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี และมักให้คุณภาพเสียงต่อราคาที่คุ้มค่าสูงสุด ในงบไม่เกิน 1,500 บาท หูฟังมีสายประเภทอินเอียร์ (ใส่ในช่องหู) ได้รับความนิยมมาก เพราะขนาดเล็กพกง่าย แถมให้เสียงที่โดดเด่นเกินตัว เราขอแนะนำ 3 รุ่นที่เสียงดีคนละสไตล์จากทั้งแบรนด์อินเตอร์และแบรนด์จีน ดังนี้
รุ่น | ประเภท | แนวเสียง | ฟังก์ชันเด่น | ราคาประมาณ |
---|---|---|---|---|
Sony MDR-XB55AP | In-Ear มีสาย | เบสหนัก กระหึ่ม | Extra Bass, มีไมค์ | ~ ฿1,300 |
Sennheiser Momentum In-Ear | In-Ear มีสาย | บาลานซ์ รายละเอียดสูง | วัสดุดี, แบรนด์ดัง | ~ ฿1,490 |
KZ ZS10 Pro | In-Ear มีสาย | V-shape เบสแน่น แหลมชัด | ไดรเวอร์ 5 ตัวต่อข้าง | ~ ฿1,200 |
3. Sony MDR-XB55AP – หูฟังมีสายเบสหนักสะใจ พร้อมไมค์โทรศัพท์
ประเภท: หูฟังอินเอียร์มีสาย (ขนาดไดรเวอร์ 12 มม.) พร้อมไมโครโฟนในตัว
คุณภาพเสียง: สมชื่อซีรีส์ Extra Bass เพราะรุ่นนี้เน้นเสียงเบสเป็นพิเศษ เบสลูกใหญ่ลงได้ลึกและแรงปะทะหนักแน่นมาก เหมาะสุดๆ สำหรับสาย EDM, ฮิปฮอป, แดนซ์ ที่ต้องการฟังจังหวะเบสตูมตามสะใจ อย่างไรก็ตาม เสียงย่านกลางแหลมยังคงเคลียร์พอใช้ เสียงร้องไม่ถึงกับจม แต่โดยรวมโทนเสียงจะออกแนว V-shape คือเบสกับแหลมเด่นกว่าย่านกลาง ใครชอบฟังสนุกๆ เน้นจังหวะจะหลงรักรุ่นนี้ แต่ถ้าชอบเสียงธรรมชาติอาจรู้สึกเบสบังรายละเอียดไปบ้าง
ความสบายและการใช้งาน: ตัวบอดี้หูฟังออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์แบบ “Hybrid Silicone” ใส่ง่ายและกระชับพอดีกับหู มีจุกยางซิลิโคนให้มา 4 ขนาด เลือกปรับให้พอดีได้ สายหูฟังเป็นสายแบน (flat cable) ลดการพันกันยุ่งเหยิง ซึ่งถือว่าสะดวกในการพกพาและเก็บใช้งาน ที่สายมีรีโมทเล็กๆ พร้อมไมโครโฟนสำหรับคุยโทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์ เสียงไมค์คมชัดตามมาตรฐาน Sony ใช้งานได้จริง
ดีไซน์และความทนทาน: มีดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูทันสมัย สีที่นิยมคือสีดำและน้ำเงิน ตัวหูฟังทำจากพลาสติกคุณภาพดี น้ำหนักเบาเพียงข้างละ ~8 กรัมเท่านั้น ใส่แล้วไม่ถ่วงหู สายแบนยาว 1.2 เมตร แข็งแรงพอตัวและลดโอกาสสายขาดใน ตัวแจ็คเสียบเป็นแบบตัว L ช่วยยืดอายุเมื่อใช้งานกับมือถือในกระเป๋ากางเกง (ลดการงอหักของสาย)
- ข้อดี: เบสหนักถึงใจมาก เหมาะกับคนชอบเบส/ดูหนังแอ็กชัน มีไมค์ในตัวคุยโทรศัพท์ได้ สายแบนไม่พันยุ่ง ทนทานพอควร ใส่ง่ายกระชับหู
- ข้อเสีย: โทนเสียงเอนเอียงไปทางเบสมาก อาจไม่เหมาะกับเพลงที่ต้องการความเที่ยงตรงของเสียง ช่วงเสียงกลางอาจโดนกลบเล็กน้อย
“เบสแน่นสะใจ ฟังมันส์เหมือนมีซับวูฟเฟอร์ส่วนตัว เสียงร้องยังโอเคอยู่ ถือว่าเป็นหูฟังมีสายที่สายเบสเฮฟวี่ต้องมีติดกระเป๋า!” – รีวิวผู้ใช้
4. Sennheiser Momentum In-Ear – หูฟังมีสายเสียงบาลานซ์ จากแบรนด์ระดับโลก
ประเภท: หูฟังอินเอียร์มีสาย (Momentum Series)
คุณภาพเสียง: ขึ้นชื่อว่า Sennheiser เรื่องเสียงไว้ใจได้ รุ่น Momentum In-Ear นี้ให้โทนเสียงแบบบาลานซ์ ฟังได้ทุกแนว เบสมาเป็นลูกๆ แน่นลึกแต่ไม่กลบย่านอื่น เสียงกลางหวานใส รายละเอียดเสียงร้องและเครื่องดนตรีชัดเจนครบถ้วน เสียงแหลมทอดสูงได้ดีไม่บาดหู เวทีเสียงกว้างปานกลาง ทำให้ฟังเพลงได้เป็นธรรมชาติและเพลิดเพลิน จุดเด่นคือเสียงมีความละเอียดอิ่มแน่นกว่าหูฟังตลาดทั่วไปในระดับราคาใกล้เคียงกัน นักฟังหลายคนยกให้เป็นหนึ่งในหูฟังมีสายที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งเมื่อเทียบราคาตอนนี้ที่ลดลงมา
ความสบายและการใช้งาน: ตัวหูฟังออกแบบโค้งเว้าเล็กน้อยตามสไตล์ Momentum ทำให้ใส่ง่ายและกระชับพอดีกับช่องหู มาพร้อมจุกหูฟังหลายขนาดเพื่อให้เลือกใส่สบายที่สุด สายหูฟังเป็นสายกลมสีแดงดำดูโดดเด่น ความยาว ~1.3 ม. มีรีโมท 3 ปุ่มพร้อมไมโครโฟนในตัวสำหรับรุ่นที่เป็น Android (หรือมีเวอร์ชันสำหรับ iPhone ต่างหาก) ใช้ควบคุมเพลงและสนทนาได้ คุณภาพไมค์อยู่ในระดับดีตามมาตรฐาน Sennheiser
ดีไซน์และวัสดุ: ดีไซน์สวยพรีเมียมตามแบบฉบับตระกูล Momentum ตัวหูฟังทำจากสแตนเลสสตีลผสมพลาสติกเงางาม แข็งแรงและดูหรู มีเคสซิปผ้าให้มาสำหรับพกพาเก็บหูฟังไม่ให้พันกัน สายหูฟังแม้เป็นสายกลมแต่คุณภาพดีทนทาน ปลั๊กเสียบเป็นแบบตัว L เช่นกัน ในแง่ความทนทานนับว่าทำได้ดีและมีการรับประกันศูนย์ (ถ้าซื้อจากตัวแทนจำหน่าย)
- ข้อดี: เสียงบาลานซ์ฟังสบาย เก็บรายละเอียดดีทุกย่าน เบสแน่นพอดีๆ ย่านสูงชัด ไมค์และรีโมทใช้งานสะดวก วัสดุงานประกอบพรีเมียม แบรนด์มีความน่าเชื่อถือ
- ข้อเสีย: เปิดตัวราคาสูง (เกือบ 3,700 บาท) ทำให้ของปลอมระบาด ต้องระวังเลือกซื้อจากแหล่งเชื่อถือได้ รุ่นนี้ของใหม่เริ่มหายาก (เป็นรุ่นออกมาหลายปีแล้ว) แต่ยังพอหาได้ตามร้านออนไลน์
“คุณภาพเสียงของ Momentum In-Ear กินขาดหูฟังตลาดในช่วงราคาพันกว่าบาท ชนิดที่ว่าถ้าได้ลองฟังจะติดใจในความละมุนและบาลานซ์ของเสียง เรียกว่าถูกลงแล้วห้ามพลาด” – ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
5. KZ ZS10 Pro – หูฟังอินเอียร์หลายไดรเวอร์ เสียงจัดจ้านเกินราคา
ประเภท: หูฟังอินเอียร์มีสาย (5 Drivers ต่อข้าง – 4 BA + 1 Dynamic)
คุณภาพเสียง: KZ แบรนด์จีนสายอินเอียร์หลายไดรเวอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่า รุ่น ZS10 Pro จัดเต็มด้วยไดรเวอร์ถึง 5 ตัวในหูฟังแต่ละข้าง ให้เสียงแนว V-Shape ที่โดดเด่น เบสลงลึกและแน่นมาก ฟังสนุกกระหึ่มถึงใจ เสียงแหลมพุ่งใส ให้รายละเอียดสูง อิมแพคแรงเหมาะกับเพลงจังหวะเร็วอย่างร็อกหรือ EDM ข้อสังเกตคือเสียงกลาง (เช่น เสียงร้อง) จะถอยหลังลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเบสและแหลม แต่ยังชัดเจนอยู่ ไม่ได้จมหายไป ความน่าทึ่งคือรายละเอียดเสียงโดยรวมและมิติที่ได้ เกินคาดสำหรับหูฟังราคาประมาณพันต้นๆ หลายคนฟังแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เสียงดีกว่าที่คิดไว้เยอะ”
ความสบายและการใช้งาน: ตัวบอดี้ทำจากเรซินใสและโลหะผสม ให้รูปลักษณ์เท่และแข็งแรง น้ำหนักเบากว่าที่เห็น (ประมาณข้างละ 11 กรัม) การสวมใส่เป็นแบบคล้องหู (มีสายพันเกี่ยวหลังใบหู) ทำให้ใส่กระชับแน่น ไม่หลุดง่าย แม้จะขยับหรือออกกำลังกายเบาๆ ก็เอาอยู่ ถ้าเปลี่ยนจุกยางให้เหมาะกับช่องหูจะยิ่งใส่สบายและได้คุณภาพเสียงเต็มที่ สายหูฟังสามารถถอดเปลี่ยนได้ (ขั้วแบบ 2-pin) เผื่ออยากอัปเกรดสายเงินหรือสายบลูทูธภายหลังก็ทำได้
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบแบรนด์ดัง: แม้ KZ จะให้สเปคมาจัดเต็ม แต่ก็มีนักฟังบางคนแนะนำอย่างมีอารมณ์ขันว่า “เสียงมันยังสู้ Sennheiser Momentum… ไม่ได้แน่นอน” ซึ่งก็สะท้อนข้อเท็จจริงว่าหูฟัง KZ นั้นโดดเด่นเรื่องความคุ้มราคา แต่หากเทียบความกลมกล่อมของเสียงกับหูฟังแบรนด์ระดับไฮเอนด์ มันอาจยังเป็นรองอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม สำหรับงบประมาณจำกัด ZS10 Pro ถือว่าให้เสียงได้ใกล้เคียงหูฟังราคาแพงกว่าหลายเท่า จึงไม่แปลกที่ได้รับความนิยมล้นหลามในกลุ่มผู้เริ่มต้น
- ข้อดี: สเปคจัดเต็ม ไดรเวอร์ 5 ตัวต่อข้าง เสียงเบสหนักแน่น แหลมกระจ่าง ฟังเพลงสนุกทุกรูปแบบ วัสดุแข็งแรงใส่สบาย สายถอดเปลี่ยนได้ ราคาถูกมากเมื่อเทียบสิ่งที่ได้
- ข้อเสีย: เสียงโทน V-Shape กลุ่มเสียงร้องอาจไม่เด่นเท่าเบส/แหลม ความเที่ยงตรงของเสียงสู้นักร้องเสียงแหลมๆ ไม่ได้ (เน้นสีสันมากกว่าความเป็นธรรมชาติ) ต้องระวังของปลอมและคุณภาพการประกอบจากบางร้าน
“สำหรับคนงบน้อย KZ คือคำตอบครับ สเปคดีราคาถูก แต่ถ้าไปเทียบกับหูฟังไฮเอนด์จริงๆ ก็คนละเรื่องนะ ที่แน่ๆ เสียงมันสู้ Sennheiser Momentum…ไม่ได้ แต่ถามว่าคุ้มไหม ในพันนิดๆ ได้ขนาดนี้คือเกินคุ้ม!” – เสียงจากผู้ใช้งานใน Pantip
หูฟังไร้สาย True Wireless (TWS) ไม่เกิน 1,500 บาท
ยุคนี้ หูฟังไร้สายแบบ True Wireless หรือหูฟังบลูทูธแยกข้าง (TWS) ได้รับความนิยมสุดๆ เพราะสะดวกไร้สายเกะกะ ในงบไม่เกิน 1,500 บาท ก็มีตัวเลือกเพียบทั้งแบรนด์สมาร์ทโฟนชื่อดังและแบรนด์เครื่องเสียงรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นยังมีฟีเจอร์ล้ำๆ อย่างตัดเสียงรบกวน (ANC), กันน้ำ, ไมค์ชัดสำหรับคุยสาย และแบตเตอรีใช้งานได้ทั้งวัน เราคัดมา 5 รุ่นเด็ดที่น่าสนใจดังนี้
รุ่น | ประเภท | แบตเตอรี่ (ประมาณ) | จุดเด่น | ราคาประมาณ |
---|---|---|---|---|
SoundPEATS Air3 Deluxe HS | Earbud TWS (ไร้สาย) | 5 ชม. + เคส 20 ชม. | รองรับ LDAC Hi-Res, ดีเลย์ต่ำ | ~ ฿1,500 |
iSuper EVO Buds ANC Pro | In-Ear TWS (ไร้สาย) | 6 ชม. + เคส 24 ชม. | ANC ดีเยี่ยม, รองรับ LDAC | ~ ฿900 |
HUAWEI FreeBuds 6i | In-Ear TWS (ไร้สาย) | 6.5 ชม. + เคส 18 ชม. | ไมค์ 3 ตัว, ANC เด่น | ~ ฿1,600 (โปร ฿1,490) |
EarFun Air Pro 4 | In-Ear TWS (ไร้สาย) | 7.5 ชม. + เคส 30 ชม. | ANC Adaptive, Multi-point | ~ ฿1,500 |
Jabra Elite 2 | In-Ear TWS (ไร้สาย) | 7 ชม. + เคส 21 ชม. | เสียงดี เบสแน่น, กันน้ำ IP55 | ~ ฿1,500 |
6. SoundPEATS Air3 Deluxe HS – Earbud ไร้สาย รองรับเสียง Hi-Res ราคาประหยัด
ประเภท: หูฟังเอียร์บัดไร้สาย (ทรง Earbud ไม่ใช่จุกยาง In-ear)
คุณภาพเสียง: นี่คือหูฟังทรง AirPods ที่ให้เสียงเกินตัวมากๆ จุดเด่นคือรองรับโค้ดเสียงคุณภาพสูง LDAC ทำให้ได้รายละเอียดเสียงคมชัดกว่าหูฟังไร้สายทั่วไปในเรทราคาเดียวกัน เสียงโดยรวมถือว่าบาลานซ์แต่เอนเอียงไปทางชัดใส ฟังง่ายสบายหู เบสมาเป็นลูกชัดเจนปานกลาง ไม่เน้นหนักหน่วงแบบรุ่นเบสจัด ย่านกลางและแหลมเด่น เคลียร์มาก เสียงร้องชัดใส รายละเอียดปลายแหลมดีโดยไม่เสียดหู ใครชอบแนวเสียงโปร่งๆ เป็นธรรมชาติ น่าจะถูกใจกับแนวเสียงของ Air3 Deluxe HS รุ่นนี้
ความสบายในการสวมใส่: ด้วยความที่เป็นทรง Earbud แบบครึ่งหู ทำให้ใส่ได้สบายมาก ไม่อุดอู้ในรูหูและไม่เกิดแรงดัน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบหูฟังแบบ In-ear ที่ยัดลึก ตัวหูฟังน้ำหนักเบามาก (ข้างละ ~4 กรัม) และออกแบบตามสรีระหูทั่วไป ใส่ได้พอดีไม่หลวมหลุดง่าย ทั้งยังมีมาตรฐานกันน้ำ IPX4 กันเหงื่อได้ระดับหนึ่ง จึงใช้ใส่ออกกำลังกายเบาๆ หรือใส่เดินทางในชีวิตประจำวันได้ดี
แบตเตอรี่และฟีเจอร์: แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง ~5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อใช้คู่กับเคสชาร์จจะรวมใช้งานได้ราว 20 ชั่วโมง ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปานกลางสำหรับ TWS ขนาดเล็ก รุ่นนี้ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC (ตามปกติหูฟังเอียร์บัดมักไม่ได้ใส่ ANC มาอยู่แล้ว) แต่มีโหมด Game Mode ลดดีเลย์ของเสียงลงจนเล่นเกมหรือดูหนังไม่ค่อยรู้สึกหน่วง นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ (ถอดหูฟังเพลงหยุดอัตโนมัติ) และไมโครโฟนคู่สำหรับสนทนา ซึ่งคุณภาพไมค์ถือว่าชัดเจนใช้ได้ในการคุยโทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์
จุดเด่นพิเศษ: สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นคือการรองรับ LDAC codec ที่มอบคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ซึ่งหาได้ยากมากในหูฟังราคาไม่ถึงสองพัน นอกจากนี้ยังรองรับ Bluetooth 5.2 และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android อย่างรวดเร็วด้วย Google Fast Pair เรียกว่าฟีเจอร์แน่นเกินราคา กลายเป็นหูฟังที่ถูกพูดถึงว่า “คุ้มที่สุด” รุ่นหนึ่งในปีที่ผ่านมา
- ข้อดี: เสียงคมชัด รายละเอียดดี รองรับ LDAC ให้คุณภาพเสียงสูง เบสกลางๆ ฟังสบาย ใส่สบายหูมาก ไม่อุดหู ไม่มีแรงดัน ไมค์สนทนาดี มี Game Mode ลดดีเลย์
- ข้อเสีย: ไม่มี ANC (ตามลักษณะหูฟังทรงนี้) แบตเตอรี่ต่อครั้งใช้งานได้ประมาณ 5 ชม. ซึ่งไม่มากนัก ใครชอบเสียงเบสหนักอาจรู้สึกไม่สะใจเท่ารุ่นเน้นเบส
“หูฟังเอียร์บัด Hi-Res ตัวแรกของโลกในงบไม่ถึง 2,000 บาท คุณภาพเสียงนี่เกินหน้าเกินตาราคาไปไกล เหมาะกับคนอยากได้ฟีลแบบ AirPods แต่เน้นฟังเพลงเสียงดีขึ้น” – รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญ
7. iSuper EVO Buds ANC Pro – หูฟัง TWS ฟังก์ชันแน่น เกินคุ้มราคาหลักร้อย
ประเภท: หูฟังอินเอียร์ไร้สาย (TWS) พร้อมระบบตัดเสียง ANC
คุณภาพเสียง: แบรนด์ iSuper อาจยังไม่คุ้นหูหลายคน แต่มาแรงในกลุ่มหูฟัง TWS ราคาประหยัด รุ่น EVO Buds ANC Pro ให้เสียงที่เกินตัวมาก เบสแน่นมีน้ำหนักฟังสนุก ย่านเสียงกลางชัดเจน เสียงร้องโดดเด่นฟังสบาย ย่านแหลมใสเคลียร์กำลังดีไม่บาดหู รวมๆ แล้วปรับจูนมาแนวสนุก (Fun sound) ฟังเพลงป๊อป แดนซ์ได้เพลิดเพลินทุกวัน พร้อมทั้งรองรับโค้ดเสียงคุณภาพสูง LDAC และ aptX Adaptive ทำให้รายละเอียดเสียงดีเกินราคาไปอีกขั้น
ฟีเจอร์เด่น: จุดขายของรุ่นนี้คือระบบ Active Noise Cancellation ที่เคลมว่าตัดเสียงได้เงียบถึง 42 dB ซึ่งการใช้งานจริงก็พบว่าสามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้เงียบกริบจนน่าประทับใจ เช่น เสียงเครื่องจักรหรือเสียงจอแจเบาลงมาก ผู้ใช้รายหนึ่งใน Pantip ยังชมว่า “เสียงดีไม่แพ้ของแพงๆ… เบสดี ไมค์ดี คุยชัด แบตอึดทั้งวัน” เมื่อพูดถึงประสบการณ์ใช้งานรวมๆ ของรุ่นนี้ นอกจากนี้ยังมีโหมด Transparency รับเสียงภายนอก, มีไมค์ 6 ตัวช่วยตัดเสียงขณะสนทนาให้คู่สายได้ยินชัด และมี Gaming Mode ลดดีเลย์เสียง ถือว่าฟังก์ชันให้มาครบครันเกินราคาจริงๆ
แบตเตอรี่และการใช้งาน: แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องประมาณ 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จ (เมื่อเปิด ANC จะลดหลั่นลงเล็กน้อย) และรวมกับเคสชาร์จจะใช้ได้ราว 24 ชั่วโมง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไมโครโฟนสนทนา 6 ตัวที่ให้มาช่วยให้เสียงคุยโทรศัพท์คมชัดมาก แม้อยู่ในที่เสียงดัง ก็ยังได้ยินเสียงคนพูดชัดเจน นอกจากนี้ตัวเคสรองรับการชาร์จไร้สายและชาร์จเร็วอีกด้วย
- ข้อดี: ราคาไม่ถึงพัน (เมื่อจัดโปร) แต่ได้ ANC ตัดเสียงเงียบมาก คุณภาพเสียงดีเบสแน่น รายละเอียดครบ รองรับ LDAC/aptX Adaptive ไมค์คุยโทรศัพท์เคลียร์ ฟีเจอร์ครบทั้งโหมดเกมและ Transparency
- ข้อเสีย: แบรนด์ใหม่อาจยังไม่มีศูนย์บริการชัดเจน ต้องซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือเพื่อการรับประกัน ตัวหูฟังดีไซน์ค่อนข้างธรรมดา (คล้ายหูฟัง TWS ทั่วไปในตลาด) และเคสชาร์จค่อนข้างใหญ่เล็กน้อย
“หาไมค์ไปตัดเสียงจิ้งหรีดอยู่ไหม? หรือ ANC เทพๆ ในราคาจับต้องได้ มาทางนี้ iSuper EVO Buds 4 Pro รอท่านอยู่! ตัดเสียงเงียบจริง เสียงก็ดีเกินคุ้ม คุยโทรศัพท์ชัด ประมาณนี้ในงบนี้คือหาตัวจับยาก” – รีวิวแบบติดตลกจาก YouTube
8. HUAWEI FreeBuds 6i – หูฟังไร้สายจากแบรนด์ดัง ไมค์ชัด ANC เยี่ยม
ประเภท: หูฟังอินเอียร์ไร้สาย (TWS) พร้อมระบบ ANC
คุณภาพเสียง: หูฟังจาก Huawei รุ่นนี้ให้คุณภาพเสียงที่หลายคนบอกว่า “คุ้มเกินราคา” ด้วยไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 10 มม. ให้เสียงเบสที่นุ่มลึกและแน่นแบบกำลังดี ไม่บวมล้น เสียงร้องและเสียงกลางอื่นๆ ชัดใส เด่นพอๆ กับเบส ทำให้ฟังเพลงป๊อปหรืออะคูสติกได้ไพเราะ เสียงแหลมทอดสูงโอเค ไม่ซ่าส์ แม้จะไม่ได้เน้นรายละเอียดระดับหูฟังแพงๆ แต่โดยรวมโทนเสียงฟังสนุก ครบทุกย่านแบบไม่ติดขัด เหมาะกับผู้ฟังทั่วไปที่อยากได้เสียงดีทุกแนวเพลง
ระบบตัดเสียงรบกวนและไมโครโฟน: FreeBuds 6i มาพร้อมไมโครโฟนถึง 3 ตัวต่อข้าง และเทคโนโลยี ANC แบบ Hybrid ทำให้การตัดเสียงรบกวนทั้งตอนฟังเพลงและตอนคุยโทรศัพท์ทำได้ยอดเยี่ยมเกินราคา เสียงรอบข้างเช่นเสียงรถหรือเสียงคนคุยจะเบาลงมากเมื่อเปิด ANC จัดว่าเหนือกว่าหูฟังหลายรุ่นในช่วงราคานี้ สำหรับไมค์สนทนา Huawei ขึ้นชื่อเรื่องไมค์คุยชัดอยู่แล้ว รุ่นนี้ก็ทำได้ดีมาก คู่สนทนาได้ยินเสียงเราเคลียร์ แม้ในที่มีเสียงจอแจ จุดนี้หลายรีวิวในไทยชมว่า “ไมค์โคตรดี ANC โคตรเทพ” สมชื่อแบรนด์ดังจีน
แบตเตอรี่และการใช้งาน: ใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 6.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ (ปิด ANC) และเมื่อรวมเคสจะได้ราว 18 ชั่วโมง หากเปิด ANC จะใช้งานต่อเนื่องราว 5 ชั่วโมงต่อชาร์จ แบตถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้มากแต่เพียงพอต่อการใช้งานประจำวัน ปลอดภัยหายห่วงด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP54 (ป้องกันเหงื่อและละอองน้ำ) ใส่ออกกำลังหรือใช้งานนอกบ้านได้สบาย หูฟังรองรับการควบคุมด้วยการสัมผัสที่ก้าน (ปรับแตะสั่งงานต่างๆ) และสามารถปรับแต่งฟังก์ชันเพิ่มเติมผ่านแอป HUAWEI AI Life ได้ทั้งใน Android และ iOS
- ข้อดี: คุณภาพเสียงดีครอบคลุมทุกย่าน เบสดี เสียงร้องชัด แบรนด์น่าเชื่อถือ ANC ตัดเสียงเงียบเกินคาด ไมค์สนทนายอดเยี่ยม วัสดุประกอบดี ดีไซน์สวยหรู ใส่สบายหู รองรับแอปปรับแต่ง
- ข้อเสีย: แบตเตอรี่เคสรวมค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบคู่แข่งบางรุ่น (ใช้งานรวม 18 ชม.) ไม่มีโหมด Game Mode ลดดีเลย์ (เน้นใช้งานทั่วไปมากกว่าเล่นเกม) หากใช้กับ iPhone จะปรับแต่งได้น้อยกว่า (แอปบน iOS อาจฟีเจอร์ไม่ครบเท่า Android)
“FreeBuds 6i เป็นหูฟังไร้สายราคาเอื้อมถึงที่ทำออกมาได้ถึงระดับโปร ทั้งไมค์ 3 ตัวที่ช่วยให้การคุยโทรศัพท์ชัดเจนมาก และ ANC ที่เงียบจริงจัง ไม่เสียชื่อ Huawei เลย” – รีวิวจาก Bangkokbiz
9. EarFun Air Pro 4 – หูฟัง TWS เสียงดีรอบด้าน พร้อม ANC อัจฉริยะ
ประเภท: หูฟังอินเอียร์ไร้สาย (TWS) พร้อมระบบตัดเสียง ANC
คุณภาพเสียง: EarFun เป็นอีกแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่า รุ่น Air Pro 4 นี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลามทั้งในไทยและต่างประเทศถึงคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม เสียงโดยรวมปรับจูนมาค่อนข้างบาลานซ์ เบสมาเป็นลูกลึกและกระแทกกำลังดี แรงปะทะมีให้รู้สึกแต่ไม่กลบย่านอื่น เสียงร้องเด่นชัดใส เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นแยกออกจากกันดีมาก รายละเอียดเยอะสมกับที่รองรับเสียงแบบ Hi-Res (ผ่าน LDAC codec) และยังให้เสียงแหลมที่สดใสมีประกาย เพิ่มความมีชีวิตชีวาโดยไม่ทำให้เสียงล้าหู ถือว่าเป็น TWS ที่ฟังเพลงได้สนุกและแม่นยำเกินราคาไปอีกขั้น
ฟีเจอร์การเชื่อมต่อและ ANC: หนึ่งในเหตุผลที่ EarFun Air Pro 4 ถูกยกให้เป็น “มาตรฐานใหม่ของหูฟังไม่เกิน $100” ก็เพราะการอัดฟีเจอร์มาให้แน่นหู! รุ่นนี้ใช้ Bluetooth 5.3 รองรับ codec หลากหลายที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด ได้แก่ SBC, AAC, LDAC และเสียงไร้สายแบบใหม่ LC3 (สำหรับ Bluetooth LE Audio) แถมยังรองรับ Google Fast Pair และ Multipoint เชื่อมต่อพร้อมกัน 2 อุปกรณ์อีกด้วย ด้านระบบตัดเสียง ANC ก็จัดเต็ม มีให้เลือกทั้งโหมดตัดเสียงแบบทั่วไป (Strong/Normal) และโหมด ANC อัจฉริยะที่ปรับตามสภาพแวดล้อมจริง รวมถึงโหมดปิดรับเสียงจากภายนอก (Ambient) ก็มี ทำให้การใช้งานยืดหยุ่นทุกสถานการณ์
แบตเตอรี่และการใช้งาน: แบตเตอรี่อยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม ใช้งานได้ถึง 7.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ (เมื่อเปิด ANC) และสูงสุด ~11 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC รวมกับเคสแล้วใช้งานได้ยาวๆ 30-50 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการเปิด ANC หรือไม่) ซึ่งจัดว่าอึดกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ โครงสร้างกันน้ำระดับ IPX5 มั่นใจได้ในการใส่ออกกำลังหรือทำกิจกรรม กล่องชาร์จรองรับชาร์จไร้สาย (เพิ่มความสะดวก) ส่วนไมค์สนทนาให้มาทั้งหมด 6 ตัว พร้อม AI ตัดเสียงลมและเสียงรบกวน ให้เสียงคุยโทรศัพท์คมชัดในทุกสภาพแวดล้อม
- ข้อดี: คุณภาพเสียงเยี่ยม สมดุล เบสดีรายละเอียดสูง ได้รับรางวัล Editor’s Choice จากหลายสำนัก ฟีเจอร์แน่นมาก ทั้ง ANC หลายโหมด, เชื่อมต่อหลายอุปกรณ์, LDAC และ Bluetooth 5.3, เคสชาร์จไร้สาย แบตเตอรี่หูฟังและเคสอึดมาก ไมค์คมชัด กันน้ำ IPX5
- ข้อเสีย: การควบคุมแบบสัมผัสที่หูฟังค่อนข้างไว ต้องใช้ความเคยชิน (มีคนบ่นว่าชอบเผลอโดนจนหยุดเพลง) ขนาดเคสและหูฟังใหญ่ขึ้นเล็กน้อยจากรุ่นก่อนเพราะแบตเยอะขึ้น
“EarFun Air Pro 4 ถือเป็นหูฟังที่ยกระดับมาตรฐาน TWS ราคาต่ำกว่าร้อยเหรียญขึ้นไปอีกขั้น ทั้งเสียงดีเวอร์และฟีเจอร์ครบเครื่องชนิดหาในรุ่นอื่นไม่ค่อยได้ ใครมองหาหูฟังไร้สายรอบด้านในงบประมาณจำกัด รุ่นนี้คือ ตัวตึง ที่ไม่ควรมองข้าม” – บทสรุปจากสื่อรีวิวต่างประเทศ
10. Jabra Elite 2 – หูฟังไร้สายเสียงแน่น จากแบรนด์โปรระดับมืออาชีพ
ประเภท: หูฟังอินเอียร์ไร้สาย (TWS) ไม่มี ANC
คุณภาพเสียง: แม้จะเป็นรุ่นเล็กสุดของ Jabra แต่ Elite 2 ก็สืบทอดคุณภาพเสียงที่ดีเกินมาตรฐาน หูฟังให้เสียงเบสที่แน่นลึกแบบมีคุณภาพ เบสมาเป็นลูกชัดเจนแต่ควบคุมดีไม่บวม ย่านเสียงกลางอิ่มหนา เสียงนักร้องชัดเจนและมีน้ำหนัก ฟังแล้วเต็มอิ่ม ย่านแหลมใสเคลียร์และไม่จัดจ้านจนเกินไป โทนเสียงโดยรวมออกแนวอบอุ่นฟังง่าย มีความเป็นดนตรีสูงตามสไตล์ Jabra ทำให้ฟังเพลินได้นานโดยไม่ล้าหู เหมาะกับเพลงหลากหลายแนว โดยเฉพาะพวก Pop, Rock, R&B ที่ต้องการเบสและเสียงร้องหนักแน่น
ไมโครโฟนและการสนทนา: Jabra ขึ้นชื่อเรื่องไมค์คุยโทรศัพท์ชัดอยู่แล้ว รุ่นนี้ให้ไมค์มา 2 ตัวต่อข้าง ประสิทธิภาพการจับเสียงพูดดีมาก ใช้คุยสายหรือประชุมออนไลน์เสียงเคลียร์ คู่สายได้ยินเสียงเราเต็มชัด (อาจด้อยกว่ารุ่นแพงกว่าที่มี 4 ไมค์ แต่ในระดับราคาเดียวกันยังถือว่าไมค์ดีเยี่ยม) นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน HearThrough หรือโหมดฟังเสียงภายนอกขณะสนทนา ทำให้เราได้ยินเสียงตัวเองขณะพูดตามธรรมชาติ ไม่ต้องตะเบ็งเสียง เหมือนหูฟัง Jabra รุ่นสูงๆ
การใช้งานและความทนทาน: แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง ~7 ชั่วโมงต่อครั้ง และใช้กับเคสได้รวม ~21 ชั่วโมง อยู่ในระดับมาตรฐาน มีระบบชาร์จเร็ว (Fast Charge) ชาร์จ 10 นาที ฟังได้ ~1 ชั่วโมง หูฟังรองรับ Bluetooth 5.2 และ codec คุณภาพสูง aptX ทำให้เสียงดีหน่วงน้อยกับมือถือ Android ส่วน iPhone จะใช้ AAC ตามปกติ ตัวแอป Jabra Sound+ สามารถปรับ EQ เสียงตามต้องการได้หลายแบบ อีกทั้งยังมากับมาตรฐานกันฝุ่น/กันน้ำระดับ IP55 ทนทานต่อเหงื่อ ฝน และฝุ่นละอองได้ดี เหมาะสำหรับใส่ออกกำลังกายหรือพกไปลุยนอกสถานที่
- ข้อดี: เสียงแน่น เบสหนักกำลังดี เสียงร้องชัด อิมแพคดีตามสไตล์ Jabra ไมค์คุยโทรศัพท์เสียงใสมาก วัสดุแข็งแรง กันน้ำกันฝุ่น IP55 ใช้งานสมบุกสมบันได้ เชื่อมต่อเสถียร มีแอปปรับแต่งเสียง
- ข้อเสีย: ไม่มีระบบตัดเสียง ANC (รุ่นนี้ตัดออกไปเพื่อราคาที่ถูกลง) ดีไซน์เรียบง่ายไม่หวือหวา เคสไม่มีชาร์จไร้สาย
“Jabra Elite 2 เป็นหูฟัง True Wireless รุ่นเริ่มต้นที่คุ้มค่าเกินราคา คุณภาพเสียงและไมค์ยังคงมาตรฐานระดับโปรของ Jabra ไว้อย่างครบถ้วน เหมาะกับคนที่ต้องการหูฟังไว้ฟังเพลงและคุยงานแบบจัดเต็ม แต่ไม่เน้นฟีเจอร์เสริมเยอะ ๆ” – รีวิวผู้ใช้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
หูฟังมีสายกับหูฟังไร้สาย แบบไหนเสียงดีกว่ากัน?
โดยทั่วไปแล้ว หูฟังมีสายมักให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าในช่วงงบประมาณเท่ากัน เพราะสัญญาณเสียงส่งตรงผ่านสาย ไม่มีการบีบอัดข้อมูลเหมือนหูฟังไร้สาย ดังนั้นรายละเอียดและความเที่ยงตรงของเสียงจะสูงกว่า นอกจากนี้หูฟังมีสายไม่ต้องมีวงจรไฟฟ้าเพิ่มเติม (บลูทูธ/แบตเตอรี่) จึงใส่ทรัพยากรทั้งหมดไปที่ไดรเวอร์เสียงได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ๆ ก็พัฒนาไปมาก ปัจจุบันมีเทคโนโลยี Codec คุณภาพสูง (เช่น LDAC, aptX) ที่ช่วยให้เสียงใกล้เคียงแบบมีสาย และให้ความสะดวกสบายไร้สาย หากคุณจริงจังกับคุณภาพเสียงและงบจำกัด หูฟังมีสายอาจตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าเน้นความสะดวกและฟังก์ชันเสริม หูฟังไร้สายก็เป็นตัวเลือกที่ดีในยุคนี้
หูฟัง In-Ear กับ Earbud ต่างกันอย่างไร และเลือกแบบไหนดี?
หูฟัง In-Ear คือหูฟังที่มีจุกซิลิโคนสอดเข้าไปในช่องหู ให้การป้องกันเสียงภายนอกที่ดีและเพิ่มความกระชับ เสียงเบสจะแน่นกว่าเพราะการซีลที่มิดชิด แต่บางคนอาจรู้สึกอึดอัดหรือเจ็บช่องหูถ้าใส่นานๆ ในทางตรงกันข้าม Earbud (แบบเดียวกับ Apple AirPods รุ่นปกติ) จะเป็นทรงครอบร่องหูภายนอก ไม่ได้สอดลึก ข้อดีคือใส่สบาย โปร่ง ไม่อุดหู ไม่มีแรงดัน เสียงที่ได้จะโปร่งกว่าแต่เบสอาจบางลงเพราะไม่ซีลช่องหู การเลือกนั้นขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งาน หากต้องการคุณภาพเสียงเต็มที่ เน้นเบสหนัก และกันเสียงรบกวน In-Ear จะเหมาะกว่า แต่ถ้าให้ความสำคัญกับความสบาย ไม่ชอบอะไรยัดหู หรือใช้ในที่ที่ต้องได้ยินเสียงรอบข้างบ้าง Earbud ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
หูฟังราคาไม่เกิน 1,500 บาท รุ่นไหนดีที่สุด?
แต่ละรุ่นที่เราแนะนำในบทความนี้โดดเด่นต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ด้วยครับ ถ้าเน้นเสียงเบสหนักฟังสนุก Sony MDR-XB55AP (มีสาย) ตอบโจทย์ หรือถ้าอยากได้หูฟังไร้สายที่ครบเครื่องทั้งเสียงดีและ ANC เยี่ยม EarFun Air Pro 4 และ iSuper EVO Buds ANC Pro ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามาก ในหมวดหูฟังครอบหู ถ้าชอบดีไซน์วินเทจเสียงนุ่มลึกก็ต้อง Koss Porta Pro แต่ถ้าอยากได้ไร้สายฟีเจอร์แน่นลอง Edifier WH700NB Pro สรุปแล้ว “รุ่นที่ดีที่สุด” ขึ้นกับว่าอะไรคือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ แนะนำให้พิจารณาจากรีวิวแต่ละตัวด้านบนว่ารุ่นไหนตรงกับสไตล์การฟังและการใช้งานของคุณมากที่สุดครับ
หูฟังราคาประหยัดมีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ไหม?
ปัจจุบันเทคโนโลยี Active Noise Cancellation (ANC) มีในหูฟังราคาประหยัดหลายรุ่นเลย เช่น iSuper EVO Buds ANC Pro, HUAWEI FreeBuds 6i, EarFun Air Pro 4 ที่เราแนะนำก็มีระบบ ANC ทั้งหมด หูฟังเหล่านี้สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ในระดับที่น่าพอใจ เช่น เสียงเครื่องปรับอากาศ หรือเสียงฮัมเบาๆ จะเงียบลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ANC ของหูฟังระดับราคานี้อาจไม่เงียบเท่ารุ่นเรือธงราคาแพง แต่ถือว่าช่วยให้ฟังเพลงหรือรับชมความบันเทิงได้เต็มอรรถรสมากขึ้นโดยไม่มีเสียงรอบข้างกวนใจ แนะนำว่าหากต้องการ ANC ให้เลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้และอ่านรีวิวประกอบ เพื่อให้ได้รุ่นที่มี ANC มีประสิทธิภาพจริง
ซื้อหูฟังออนไลน์อย่างไรให้ได้ของแท้และคุ้มค่า?
การซื้อหูฟังออนไลน์ใน Lazada, Shopee หรือ JD Central ให้ปลอดภัย ควรเลือกซื้อจากร้านค้าทางการ (Official Store) ของแบรนด์นั้นๆ หรือร้านที่มีรีวิวผู้ซื้อจริงเยอะและคะแนนความน่าเชื่อถือสูง หลีกเลี่ยงร้านที่ราคาถูกผิดปกติมากๆ เพราะอาจเป็นของปลอมหรือของหิ้วที่ไม่มีประกัน อีกทั้งควรอ่านรายละเอียดสินค้า ตรวจสอบว่ามีการรับประกันจากผู้ขายหรือผู้นำเข้าอย่างชัดเจนหรือไม่ หากไม่มั่นใจ ให้สอบถามผู้ขายเพื่อความแน่ใจ นอกจากนี้การอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานที่สั่งซื้อรุ่นเดียวกันจะช่วยให้ทราบว่าของที่ได้เป็นของแท้คุณภาพดีหรือไม่ โดยรวมแล้วการซื้อออนไลน์ในยุคนี้สะดวกและราคาดี แต่ต้องเลือกแหล่งซื้ออย่างรอบคอบเพื่อให้ได้หูฟังของแท้และบริการหลังการขายที่ดีครับ

ชื่อของฉันคือ นิรุตติ์ แสนไชย
ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านโทรคมนาคม ฉันเคยทำงานในบริษัททั้งหมดในประเทศไทย: AIS (เครื่องหมายการค้า 1-2-call), DTAC (เครื่องหมายการค้า Happy) และ True Mobile
ฉันหวังว่าเว็บไซต์ของฉันจะช่วยคุณได้และจะมีประโยชน์มาก